ศูนย์ข่าว สยามปักษ์ใต้ออนไลน์

การแถลงข่าวการจับกุมเรือประมงเวียดนาม
ในวันเสาร์ที่ 4 ม.ค.68
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 และทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่ามีเรือประมงต่างชาติ 
เข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย บริเวณใกล้กับเกาะกระ
จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในทะเลอาณาเขตของประเทศไทย
พลเรือโท นเรศ  วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2/ผู้อำนวยการ
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 ได้สั่งการให้ 
เรือหลวงแหลมสิงห์ ลาดตระเวนค้นหาและพิสูจน์ทราบเรือประมงที่มีพฤติกรรมดังกล่าว โดยในวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 05.30 น. ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม
เป็นเรือคราดปลิง จำนวน 1 ลำ ผู้ควบคุมพร้อมลูกเรือรวม 5 คน กำลังลักลอบทำการประมง บริเวณ แลตติจูด 8 องศา 57 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 100 องศา 38 ลิปดาตะวันออก 
(ทิศตะวันออกของ อ.สิชล จว.นครศรีธรรมราช ระยะ 77 กิโลเมตร) จึงได้ควบคุมเรือ
ของกลางพร้อมลูกเรือทั้งหมด มายังท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือ
ภาคที่ 2 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การดำเนินคดีกับเรือประมงต่างชาติ ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจับกุม
ในทะเลอาณาเขตของประเทศไทย จึงได้ตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดตามกฎหมาย จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่
1. พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ใช้เรือประมงไร้สัญชาติ
ทำการประมงในเขตการประมงไทย และร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบ
รับอนุญาตทำการประมง 
2. พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 ทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต 
3. พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 เป็นคนต่างด้าวไม่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตามช่องทางด่านตรวจค้นเข้าเมือง 
สำหรับการจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นเรือของกลาง
1 ลำ ผู้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือ จำนวน 5 คน 
ทั้งนี้การปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือปี 2568 
ที่มุ่งเน้นการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การป้องกัน แก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางทะเล และการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการรุกล้ำน่านน้ำไทยของเรือประมงต่างชาติ ที่เข้ามาทำการประมงโดยผิดกฎหมาย จนประสบความสำเร็จในการจับกุม
ในครั้งนี้

การเข้ามาลักลอบทำการประมงผิดกฎหมายโดยเรือประมงต่างชาตินั้น ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติที่ควรนำไปใช้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ  อีกทั้งเรือประมงต่างชาติที่ใช้คราดเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำประมงปลิงทะเล เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนพื้นผิวดินใต้ทะเล เช่นแนวปะการัง
ที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล ในช่วงปีที่ผ่านมามีการจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เฉลี่ย 15 ลำต่อปี ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของไทย แต่ละลำมีศักยภาพในการจับปลิงทะเลประมาณ 15 - 20 ตัน ต่อครั้ง มูลค่าตลาดปลิงทะเล 300 - 500 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และกองทัพเรือ สามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้ ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี 
ท้ายนี้ ศรชล.ภาค 2 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ศรชล.ภาค 2 และ ทัพเรือภาคที่ 2 จะปฏิบัติการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างสุดกำลังความสามารถ ในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 113,275 ตารางกิโลเมตร และจะไม่ยอมให้เรือประมงต่างชาติลักลอบเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทยเป็นอันขาด หากตรวจพบจะจับกุมและส่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกกรณี” ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทยตลอด

#ศูนย์ข่าว สยามปักษ์ใต้ออนไลน์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศูนย์ข่าว สยามปักษ์ใต้ออนไลน์

ศูนย์ข่าว สยามปักษ์ใต้ออนไลน์สื่อสร้างสรรค์ เพื่อชาวใต้

ศูนย์ข่าว สยามปักษ์ใต้ออนไลน์